หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวของคนที่อยู่ ๆ ก็ล้มฟุบเสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน หรือขณะออกกำลังกาย เหตุจากภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นปุบปับแบบนี้อาจมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจก็เป็นได้
โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากผนังหลอดเลือดแดงแข็งจากการสะสมของไขมัน หินปูนและเซลล์ต่าง ๆ
ที่ผนังด้านในของหลอดเลือด กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และมักเกิดกับคนที่มีระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL สูงกว่าปกติ โดยเมื่อผนังหลอดเลือดแข็งตัวก็จะเกิดรอยบาดแผลหรือฉีกขาดได้ง่าย ร่างกายก็จะสร้างลิ่มเลือดมาอุดบริเวณรอยแผลทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นอุดตัน
โรคหลอดเลือดหัวใจที่พบในปัจจุบันมีหลากหลายกลุ่ม ทั้งเป็นโรคตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลังสาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต มีนิสัยการกินที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรค ส่งผลให้คนอายุในช่วง 30-35 ปีก็สามารถเป็นโรคนี้กันได้ ดังนั้นการรู้จักความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคและวิธีป้องกันจะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคได้
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงก่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
- เพศชายมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าเพศหญิง อย่างไรก็ตามเพศหญิงจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในวัยหมดประจำเดือน
- พันธุกรรม หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก็จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนที่ไม่มีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้
- อายุ โดยมักเกิดกับเพศชายอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป และเพศหญิงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป
- ภาวะความดันโลหิตสูง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักจนเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจ
- ภาวะไขมันในเลือดสูง เนื่องจากคอเลสเตอรอลชนิด LDL เป็นตัวการที่ปิดกั้นหลอดเลือดหัวใจ
- การสูบบุหรี่ เนื่องจากสารนิโคตินและก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ในควันบุหรี่ส่งผลให้หัวใจเกิดความเครียด มีอัตราการเต้นที่เร็วขึ้นในขณะพัก ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดจับตัวกันเป็นลิ่มหรือก้อนอีกด้วย
- โรคเบาหวาน การมีระดับน้ำตาลสูงหรือควบคุมไม่ได้เป็นเวลานานจะเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเร็วขึ้น
การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจจะเห็นว่าส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่
บั่นทอนการมีสุขภาพที่ดี การปรับพฤติกรรมเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายใจให้แข็งแรง มีส่วนช่วยป้องกันภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ พฤติกรรมดังกล่าว เช่น
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ทานผักผลไม้เป็นประจำ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ไม่สูบบุหรี่
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทำจิตใจให้สดชื่น ไม่เครียดบ่อย
- ตรวจวัดความดันโลหิต เจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับไขมันและน้ำตาลในเลือด
วิธีการรักษา
การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจมีอยู่หลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ดังนี้
- การรักษาด้วยยา เพื่อลดความดันโลหิตหรือขยายหลอดเลือดเพื่อให้การไหลเวียนและการสูบฉีดเลือดในหัวใจดีขึ้น
- การผ่าตัดหลอดเลือดจากบริเวณอื่นไปทำหน้าที่แทนหลอดเลือดหัวใจช่วงที่อุดตัน หรือ บายพาส เป็นการสร้างทางเดินเลือดเส้นใหม่ แพทย์จะนำหลอดเลือดดำที่ขาหรือหลอดเลือดแดงที่ผนังหน้าอกมาตัดต่อกับหลอดเลือดที่อุดตันเพื่อทำทางเดินของเลือดใหม่เลี่ยงเส้นทางที่อุดตัน
- การขยายหลอดเลือดหัวใจ มี 3 แบบ
- การบอลลูน เป็นการดันคราบไขมันที่อุดตันในหลอดเลือดให้กลับไปติดกับผนังหลอดเลือด
- การใช้แสงเลเซอร์ คือการใช้แสงอัลตราไวโอเลตสลายคราบไขมันหรือหินปูนที่
อุดตันบริเวณผนังหลอดเลือด สิ่งอุดตันจะถูกสลายจนมีขนาดเล็กมากและถูกกำจัดออกจากร่างกาย - การใช้หัวกรอ ใช้ในกรณีที่มีไขมันหรือหินปูนเกาะตัวหนาแน่นมากหรือมีรอยตีบยาวและไม่สามารถใช้บอลลูนได้ หรือกรณีที่เส้นเลือดมีขนาดเล็ก สิ่งอุดตันจะถูกสลายจนมีขนาดเล็กมากและถูกกำจัดออกจากร่างกาย
แต่หากเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ จำเป็นต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง การสมัครเฮลท์ลิงก์ (Health Link) เชื่อมข้อมูลสุขภาพไว้ในระบบออนไลน์เป็นวิธีหนึ่งที่เพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลทุกที่ที่เข้าร่วมโครงการ ท่านจะได้รับการดูแลรักษาโดยไม่ต้องรอ ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการขอประวัติผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเดิมอีกต่อไป หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือจำเป็นต้องรับยาตามกำหนดแต่ไม่สะดวกไปรับจากโรงพยาบาลเดิม สามารถพบแพทย์และใช้บริการในโรงพยาบาลใหม่ได้ทันทีเพราะมีประวัติการรักษาเชื่อมต่อข้อมูลไว้แล้ว แพทย์สามารถวินิจฉัยและจ่ายยาเดิมที่เคยรับประทานให้ได้
👍🏽อย่าลืมกดติดตามเพจ Health Link ไม่พลาดทุกความรู้สุขภาพ : https://www.facebook.com/healthlink.go.th/
เพิ่มเพื่อนไว้อุ่นใจเสมอ ปรึกษาสอบถามเกี่ยวกับเฮลท์ลิงก์ได้ที่ Line : @healthlink
#HealthLink #เฮลท์ลิงก์ #เชื่อมต่อการรักษาทุกที่ทั่วไทย #GBDi #โรคหลอดเลือดหัวใจ #เป๋าตัง
ขอบคุณข้อมูลจาก
ยูทูปแชนแนล Doctor Tany
โรงพยาบาลพญาไท 3
โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
โรงพยาบาลรามาธิบดี